ยังคงเป็นที่จับตามองเสมอสำหรับ ฟาอิค โบลเกียห์ กองกลางกัปตันทีมชาติบรูไน ที่เดินทางเข้าร่วมแข่งขัน ซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรในเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
โดยนอกจากฝีเท้าในสนามของแข้งวัย 21 ปี แล้ว อีกสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ นั่นก็คือการที่สื่อต่างๆ ทั่วโลกต่างยกย่อง
ให้เจ้าตัวเป็นนักเตะที่รวยที่สุดในโลก หลังรู้ความจริงว่า แข้งรายนี้คือหลานชายแท้ๆ ของสุลต่านฮัสนัล โบลเกียห์ กษัตริย์แห่ง
ราชวงศ์บรูไน ที่มีทรัพย์สินราวๆ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (มากกว่า 6 แสนล้านบาท)
สุลต่านฮัสนัล โบลเกียห์ กษัตริย์แห่งราชวงศ์บรูไน
สำหรับเส้นทางการค้าแข้งของกัปตันทีมบรูไน เริ่มต้นสมัยเดินทางไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ โดยเป็นเด็กเยาวชนของ เอเอฟซี
นิวบิวรี่, เซาธ์แฮมป์ตัน, อาร์เซ่น่อล และเชลซี ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีม เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2016
แม้เจ้าตัวจะเกิดที่ ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา แต่เจ้าตัวก็ตัดสินใจเลือกเล่นให้กับทีมชาติบรูไน
ซึ่งครั้งหนึ่ง เดอะซัน สื่อจอมขุดของเกาะอังกฤษ ได้เปิดเรื่องราวของ เจฟรี่ โบลเกียห์ คุณพ่อของเจ้าตัวน้องชายของกษัตริย์บรูไน
ว่ามีการใช้เงินสูงถึง 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,360 ล้านบาท) เพียงเดือนเดียวในการซื้อรถหรู, นาฬิกา และปากกา นอกจาก
นี้ยังมีการใช้เงิน 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 36 ล้านบาท) เพื่อจัดงานปาร์ตี้กับสาวๆ
บ้านพักที่ ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา
โดยปัจจุบัน เจฟรี่ โบลเกียห์ ผู้พ่อมีรถสะสมกว่า 2,300 คัน ซึ่งแน่นอนมันเต็มไปด้วยรถหรูอย่าง โรลส์-รอยซ์, เฟอร์รารี่ และเบนท์ลี่ย์
รวมถึงซื้อเรือยอร์ชอีก 2 ลำ ที่ใช้ชื่อว่า “Nipple 1” และ “Nipple 2” และอีกเรื่องที่ยังเป็นที่เล่าขานมาจนทุกวันนี้ก็คือในงานฉลองครบ
รอบอายุ 50 ปี ได้มีการทุ่มเงินจ้าง “ราชาเพลงป็อป” ไมเคิ่ล แจ็กสัน มาร้องเพลงในงานวันเกิดด้วยเงินสูงถึง 12 ล้าน (เกือบ 500 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตามตัวของ แข้งทีมชาติบรูไน ไม่ได้สนใจในเรื่องของความรวยของตัวเอง แต่มีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ “ผมเล่นฟุตบอล
ตั้งแต่จำความได้ ในช่วงวัยเด็ก ผมสนุกกับการลงไปสนามหญ้าโดยมีลูกบอลติดเท้าไปด้วยเสมอ พ่อแม่ของผมท่านคอยสนับสนุนและผลักดัน
ให้ความฝันของผมเป็นจริง เพื่อที่จะให้ผมได้ก้าวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และผมก็ทำมันสำเร็จ”
รอกันยาวๆ กัมพูชา, เมียนมา, ติมอร์ฯ โอดเจ้าภาพระบบจัดการสุดแย่
สื่อเพื่อนบ้านพร้อมใจกันตีข่าว ถึงความไม่พร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ 2019 ครั้งที่ 30 ของประเทศฟิลิปปินส์ โดยทัพนักกีฬาฟุตบอลของแต่ละชาติ กำลังประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องหลังไม่สามารถเข้าห้องพักได้
โดย ทัพนักเตะทีมชาติกัมพูชา ที่เดินทางถึงมะนิลา ในช่วงเวลาตี 4 ครึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนที่ต้องรอเกือบ 12 ชั่วโมงกว่าจะได้ห้องพัก ซึ่งพวกเขาตัดสินใจนอนในห้องประชุมของโรงแรม แถมยังต้องพลาดการฝึกซ้อมในช่วงเย็น ทำได้เพียงแค่วิ่งรอบๆ ที่พักเท่านั้น
“เรารอที่สนามบินเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าพวกเขาจะมารับเรา และต้องรออีกประมาณ 8-9 ชั่วโมงเพื่อเข้าห้องพักของพวกเรา” เฟลิกซ์ ดัลมาส โค้ชของกัมพูชา หัวเสียเป็นอย่างมาก
ด้าน ทัพนักเตะติมอร์ เลสเต ก็ต้องเจอปัญหาเช่นกัน เมื่อมาถึงกรุงมะนิลา ในเวลาตี 5 ของวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และต้องรอรถกว่า 2 ชั่วโมงในการรอรถมารับไปส่งโรงแรม แต่คนขับกลับไปส่งผิดโรงแรม นอกจากนี้เมื่อพวกเขาไปถึงโรงแรมในเวลา 9 โมงครึ่ง กลับต้องรอที่จะเช็คอินในเวลาบ่าย 2 โมง เรียกว่ากว่าจะได้เข้าห้องก็ปาไป 10 กว่าชั่วโมง
ทีมชาติเมียนมา ก็ประสบปัญหาเช่นกัน โดยสื่อของพวกเขารายงานข่าวว่า ทัพนักเตะของพวกเขาเดินทางถึงมะนิลา ในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่กลับต้องรอรถจากทางฝ่ายจัดมารับที่สนามบินเป็นระยะเวลานานมากๆ และรถที่มารับกลับเป็นมินิบัสขนาดเล็กที่นักกีฬาต้องนั่งเบียดกัน นอกจากนี้ยังพลาดที่จะลงทำการฝึกซ้อมในช่วงเย็นอีกด้วย
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ทีมฟุตบอลทั้งสามชาติที่กล่าวมา อยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ ฟิลิปปินส์ เจ้าภาพในการแข่งขันครั้งนี้ และมีโปรแกรมที่จะต้องลงสนามในวันนี้ (25 พ.ย.) โดย มาเลเซีย จะพบกับ เมียนมา, เวียดนาม พบกับ บรูไน และ กัมพูชา จะพบกับ ฟิลิปปินส์
คลิกเลย >>> www.ufabetwinS.com
อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> https://www.wpgheli.com